กลับมาเล่าต่อตามคำสัญญานะคะ สำหรับการท่องเที่ยวเมืองสยาม ที่ Museum Siam
คราวที่แล้วจบไว้ที่ห้องที่ 8 สยามยุทธ์ (War Room)
คราวนี้เรามาต่อกันที่ห้องที่ 9 แผนที่ความยอกย้อนบนแผ่นกระดาษ (The Map Room)
ห้องนี้จะทำให้เราได้ทราบถึงประวัติของผืนดินตามธรรมชาติว่าคงไม่มีเส้นแบ่งใดๆ มาขวางกั้นผู้คน
แต่เส้นพรมแดนก็ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ล่าอาณานิคมเพื่อแบ่ง “เขา”สร้าง
“เรา”และรวมไปถึงการสร้าง “ชาติ”ให้มีตัวตนขึ้นมาจริงๆ
มูลเหตุที่ทำให้เกิดการตัดแบ่งชุมชนเชื้อชาติญาติพี่น้องออกจากกัน
อันนี้เป็นเกมส์เกี่ยวกับที่ดินและความเป็นอยู่ของผู้คนในแต่ละถิ่น
ห้องที่ 10 กรุงเทพฯ ภายใต้ฉากอยุธยา (Bangkok : New Ayutthaya)
ห้องนี้บอกเล่าเรื่องราวเมื่อครั้งสิ้นกรุงศรีอยุธยา ชาวกรุงศรีฯ
ก็สร้างเมืองของพวกเขาขึ้นมาใหม่ บนผืนดิน
“บางกอก”ซึ่งพวกเขาได้จำลองแนวคิดและสืบสานวัฒนธรรมมาจากเมืองเก่ามากมาย
อีกทั้งเมื่อเริ่มสร้างกรุงใหม่
จึงได้เกณฑ์ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติมาช่วยกัน
จนเมื่อสร้างเสร็จจึงลงหลักปักฐาน กลายเป็นชาวกรุงเทพ ในที่สุด ภายในห้องจะแบ่งออกเป็นตู้ๆเรียงกัน แต่ละตู้จะกล่าวถึงแต่ละชนชาติที่เข้ามาปักฐานในสยาม
ภาพจาก Museum Siam
อันนี้เป็นตัวอย่างค่ะ..ชนชาติจีน
ห้องที่ 11 ชีวิตนอกกรุงเทพฯ (Village Life)
ห้องนี้สื่อให้เห็นถึงภูมิปัญญาท้องถิ่น และความฉลาดหลักแหลมของคนในสมัยก่อน ไม่ว่าจะเป็นของเล่น
อุปกรณ์การดักสัตว์ เครื่องมือทำกิน ความเชื่อ และพิธีกรรม
ที่แสดงให้เห็นถึงอัจฉริยะแห่งการสร้างสรรค์ และ
วิถีเกษตรที่ผูกพันธ์กับชาวสยามมาจนถึงทุกวันนี้
ขอสวมบทเป็นชาวสวนหน่อยค่ะ
ห้องที่ 12 แปลงโฉมสยามประเทศ (Changes)
ห้องนี้หล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงไปของสยามเพื่อให้ทัดเทียมกับโลกตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเริ่มสร้างถนน การเปลี่ยนวิถีชีวิตของผู้คนที่คุ้นชินกับสายน้ำและความแช่มช้า ไปสู่ถนนจะเร่งกงล้อแห่งความเปลี่ยนแปลง และห้องนี้ยังเป็นห้องที่สนุกมากที่สุดค่ะ เพราะมีเสื้อผ้าให้ลองเปลี่ยนเป็นสาวสมัยก่อนกันด้วย
เสื้อผ้าเต็มเลย ^^
ห้องที่ 13 กำเนิดประเทศไทย (Politics & Communications)
ห้องนี้เล่าเรื่องถึงใจความว่าจากสยาม ทำไมกลายเป็นไทย ห้องนี้จะกระตุ้นให้เกิดการค้นหาคำตอบว่า
“วันเกิดประเทศไทยคือวันที่เท่าไหร่”และ “กรมโฆษณาการมาเกี่ยวอย่างไร” ต้องบอกว่าห้องนี้จดจำเนื้อหาแทบไม่หมดเพราะมัวแต่ตื่นเต้นที่ได้เห็นอ่านข่าวออกทีวีครั้งแรกT^T
cc: ขวัญ (ถ่ายที่ช่อง 4 บางขุนพรหม ^^)
ห้องที่ 14 สีสันตะวันตก (Thailand and the World)
เป็นห้องที่แสดงให้เห็นถึงประวัติศาสตร์โลกใหม่ที่เกิดขึ้นอย่างมีชีวิตชีวา
ภายในช่วง 1940
ประเทศมีเศรษฐกิจที่กำลังรุ่งเรือง ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส เสียงเพลงแห่งความหวัง
และสนุกสนาน
และประเทศไทยก็โกย “ดอลล่าร์”จากการเปิดอ้ารับวัฒนธรรมอเมเริกันอย่างเป็นล่ำเป็นสัน
จำลองสถานการณ์ในร้านอาหาร (เหมือนจะสั่งจริง)
ห้องที่ 15 เมืองไทยวันนี้ (Thailand Today)
ผ่านกาลเวลามากว่า 3,000 ปี มีสิ่งใดบ้างที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น
จนฝังตรึงเป็น “ดีเอ็นเอ”ของความเป็นไทย มีสิ่งดีๆ ใดบ้างที่ยังอยู่กับเรา
และมีสิ่งดีๆ ใดบ้างที่หล่นหายไปอย่างน่าเสียดาย
ภาวะอันสับสนของคนรุ่นปัจจุบันน่าจะแก้ไขได้ หากทุกคนเรียนรู้
“ความเป็นไทยที่แท้จริง”“ความเป็นไทยที่อยู่บนพื้นฐานของความหลากหลาย”“ความ
เป็นไทยที่รู้จักเลือกรับและปรับใช้”นั่นคือ
การผสมผสานสิ่งดีงามจนกลายเป็นเอกลักษณ์ของเรา ห้องนี้แสดงให้เห็นว่าเทคดนโลยีเข้ามามีบทบาทสูงมากในชีวิตคนไทยในปัจจุบัน
ห้องที่ 16 มองไปข้างหน้า (Thailand Tomorrow)
เป็นห้องที่ตอกย้ำว่า “วันพรุ่งนี้ของประเทศไทยจะเป็นเช่นไร คนรุ่นปัจจุบันเท่านั้นที่จะให้คำตอบได้” เป็นอีกหนึ่งห้องที่ใช้เวลานานอยู่ในนั้นมาก
ห้องที่ 17 ตึกเก่าเล่าเรื่อง (ห้องพิเศษที่มาของมิวเซียมสยาม)
ห้องนี้แม้จะเป็นห้องสุดท้ายแต่ เราจะได้เข้าชมตั้งแต่แรกเลยค่ะ เพราะอยู่ที่ชั้น 1 โดยบอกเล่าเกี่ยวกับความเป็นมาและพัฒนาการของพื้นที่ในบริเวณนี้
แม้กระทั่งตัวอาคารนิทรรศการ เนื่องจากตอนบูรณะ
“อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ (เดิม)” ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยรัชการที่ 6
เพื่อเป็นอาคารพิพิธภัณฑ์นั้น
ได้มีการค้นพบความเก่งกาจของสถาปนิกและช่างในสมัยก่อน
นอกจากนี้ยังจัดให้มีการขุดค้นทางโบราณคดีในพื้นที่
ซึ่งนำไปสู่การค้นพบรากฐานของวังในสมัยรัชการที่ 3 และรัชกาลที่ 5
ทีมงานผู้จัดสร้างพิพิธภัณฑ์จึงอยากชักชวนให้ผู้ชมมาสวมวิญญาณเป็น
“นักโบราณคดีสมัครเล่น” และค้นหาอดีตของพื้นที่แห่งนี้
ห้องนี้ไม่มีรูปนะค่ะ
~~~~~~~~~~~~~~~~
เป็นอันเสร็จสิ้นค่ะสำหรับทริปเที่ยว Museum Siam

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น