วันจันทร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ปัญหาชุมชน : หัวขโมยมอเตอร์ไซค์


ในปัจจุบันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแทบทุกบ้านจะมีรถจักรยานยนต์(มอเตอร์ไซค์)กันทั้งนั้น เพราะด้วยราคาที่ถูกลงกว่าเดิมมากแถมยังมีบริการผ่อน 0% ให้บริการกันมากมายทำให้ไม่ใช่เรื่องยากหากจะซื้อหามาครอบครอง และด้วยเพราะในสังคมเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯนั้นการใช้รถมอเตอร์ไซค์ดูจะคล่องตัวและสะดวกกว่าใช้รถรถยนต์ทำให้รถมอเตอร์ไซค์เป็นที่ต้องการของตลาดในสังคมเมืองเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในวัยรุ่นที่มักจะเลือกใช้รถมอเตอร์ไซค์กันอย่างแพร่หลาย แต่ด้วยเพราะความต้องการทางตลาดที่สูงนี้เองทำให้เกิดกลุ่มมิจฉาชีพที่มักจะหาโอกาสขโมยรถไปอย่างหน้าตาเฉย เยื่อบางรายยังไม่ทันผ่อนรถหมดเลยก็ถูกขโมยรถไปเสียแล้ว ซึ่งปัญหาการขโมยรถนี้มักจะพบเจอกันแทบทุกชุมชน ดังตัวอย่างของเราในวันนี้ขอหยิบยก  

                “ชุมชนสองร้อยห้อง” ที่เป็นอีกหนึ่งชุมชนที่ชาวบ้านมักจะประสบปัญหาโดนขโมยรถเพื่อเป็น    อุทาธรณ์และเครื่องเตือนภัยให้กับท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ

“ชุมชนสองร้อยห้อง” เป็นชุมชนที่มีขนาดใหญ่ตั้งอยู่ในเขตธนบุรี กรุงเทพฯ มีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณ 100-200 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่จะเป็นคนไทยเชื้อสายจีน ชาวบ้านมักประกอบอาชีพค้าขายและรับจ้างเป็นส่วนใหญ่ วิถีชีวิตของชาวบ้านในชุมชนสองร้อยห้องแห่งนี้เป็นไปย่างเรียบง่าย พึ่งพาอาศัยกัน   มีกิจกรรมร่วมกันเสมอๆในวันสำคัญต่างๆทั้งวันพ่อ วันแม่ วันเด็ก ฯลฯ ชุมชนสองร้อยห้องถือเป็นอีกหนึ่งชุมชนที่มักประสบปัญหาต่างๆมากมาย ทั้งเรื่องของ ยาเสพติด เด็กติดเกมส์ ขโมยรถ แต่วันนี้ผู้เขียนขอหยิบยกปัญหาเรื่อง การขโมยรถมาเป็นหัวข้อในการสนทนานะค่ะ
โดยเราได้ไปสอบถามกับ ประธานชุมชน คุณวุฒิยา เพ็ญศรี ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นเรื่องการขโมยรถจักรยานยนต์(มอเตอร์ไซค์) ค่ะ  

Q: ช่วยอธิบายถึงปัญหาการขโมยรถจักรยานยนต์ (มอเตอร์ไซค์) ของชุมชนให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ?
A: ชาวชุมชนมักจะโดนขโมยรถกันแม้แต่จอดไว้ที่หน้าบ้านตัวเองก็ยังโดนเลย บ้างบ้านโดนตอนกลางวันด้วยซ้ำไป โดยพวกหัวขโมยมันจะเอารถไปถอดเป็นชิ้นๆขายกัน

Q: ในฐานะที่เป็นประธานชุมชนมีวิธีการดูแลและป้องกันการขโมยรถอย่างไร?
A: คือชุมชนของเราจะมียามตอนกลางคืนอยู่แล้วทุกวันแต่ก็จะเพิ่มความเข้มงวดขึ้นและได้ประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านในชุมชนช่วยกันเป็นหูเป็นตาให้กันเอง รวมทั้งมีการประสานงานกับสายตรวจในพื้นที่คือตำรวจจะเข้ามาตรวจทุกคืนค่ะ

Q: มีผู้ได้รับความเสียหายจากการขโมยรถมากแค่ไหน?
A: ปัจจุบันมีชาวบ้านโดนขโมยรถไปแล้วเกือบ 15 คัน ภายในระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ซึ่งทางตำรวจกำลังติดตามตัวคนผิดอยู่ค่ะ

            จากบทสัมภาษณ์คร่าวๆทำให้เราทราบได้ว่าภายในชุมชนแห่งนี้ปัญหาการขโมยรถถือเป็นปัญหาที่สำคัญและมีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนจากพวกหัวขโมยเป็นจำนวนมากทีเดียว ต่อไปเราได้ไปพูดคุยกับผู้ประสบเหตุโดนขโมยรถรายล่าสุด คุณพีรยา โพธิมากุล ค่ะ

Q: ช่วยเล่าเหตุการณ์วันที่โดนขโมยรถให้ฟังหน่อยได้ไหมคะ?
A: ค่ะ...คือวันนั้นตอนประมาณบ่าย 2 โมงไปตลาดกลับมาก็จอดรถไว้หน้าบ้านตามปกติค่ะ แล้วก็เดินเข้ามาในบ้านแต่ไม่ได้ปิดประตูบ้านนะค่ะ คือเดินเข้ามาจะมาเอากระเป๋าตังส์ประมาณ 15 นาที กลับออกไปรถก็หายแล้วค่ะ

Q: แล้วทำยังไงคะ...หลังจากรถหาย
A: ก็เลยขึ้นไปบนบ้านไปบอกลุงค่ะ...จากนั้นลุงก็ไปแจ้งความทำบันทึกประจำวันค่ะ

Q: คิดว่าจะได้รถคืนไหมคะ?
A: คิดว่าคงไม่ได้ค่ะ เพราะมันก็หลายอาทิตย์มาแล้ว แล้วพี่ที่เคยโดยขโมยก็ไม่ได้คืนค่ะ

            จากการพูดคุยทำให้ทราบว่าแม้จะดำเนินเรื่องไปยังตำรวจแล้วก็เป็นการยากที่จะจับตัวคนร้ายได้ และไม่มีชาวบ้านคนใดที่เมื่อโดนขโมยรถแล้วมีความหวังว่าจะได้คืน ต่างพากันทำใจกันทั้งสิ้น
หลังการสัมภาษณ์ทำให้ผู้เขียนเข้าใจวงจรชีวิตของเหล่าหัวขโมยมากขึ้น คือ การขโมยรถมันเป็นเพียงปัญหาหนึ่งเท่านั้นแท้จริงแล้วพวกขโมยที่มาขโมยรถนั้นเป็นตัวสร้างปัญหามากมายที่เหมือนวงจรอุบาด คือ อาจจะหนีออกจากบ้าน ติดยา ขโมย (เอาเงินมาซื้อยา)-ติดการพนัน ฯลฯ 

            ดังนั้นหากจะแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังเราจะต้องแก้ไขปัญหาอย่างรอบด้าน เช่น จะต้องจัดสัมมนาให้ความรู้ควบคู่กับการรณรงค์และอาจจะมีศูนย์เยียวยาต่างๆ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น